วันพุธ, 18 มิถุนายน 2568

กรณี Nescafé หยุดผลิตในไทย: ผลกระทบที่รุนแรง และ “โอกาส” สำหรับธุรกิจที่มองเห็นก่อน

 

ในขณะที่ข่าวคำสั่งศาลแพ่งมีนบุรีสั่ง “ห้ามผลิต จำหน่าย และนำเข้า” ผลิตภัณฑ์ Nescafé ในประเทศไทยชั่วคราว

กลายเป็นประเด็นใหญ่ระดับประเทศ หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงข้อพิพาทระหว่างบริษัทใหญ่กับกลุ่มทุนเก่า
แต่ในความเป็นจริงแล้ว… นี่คือคลื่นลูกใหญ่ ที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้ง ซัพพลายเชนการค้า เครื่องดื่ม กาแฟ และร้านค้ารายย่อยนับแสนรายทั่วประเทศ
และภายใต้ “วิกฤต” นี้ กำลังซ่อน “โอกาสใหม่” ทางธุรกิจที่คนตื่นไวเท่านั้นที่จะคว้าได้

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงแล้ววันนี้

1. ร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ต้องหยุดสั่งสินค้า Nescafé
เนสท์เล่แจ้งหยุดรับคำสั่งซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ร้านกาแฟ, ซูเปอร์มาร์เก็ต, รถเข็นกาแฟ และร้านโชห่วยต้องหาทางเลือกอื่นอย่างเร่งด่วน
ใครที่เคยพึ่งพา “เนสกาแฟ” เป็นแกนหลักของธุรกิจ ต้องรีบปรับสูตร หรือหาสินค้าทดแทน
2. ซัพพลายเออร์-ผู้รับจ้างผลิต-เกษตรกร เสียรายได้ทันที
• เมล็ดกาแฟโรบัสต้าในไทยกว่า 50% ถูกซื้อโดย Nescafé
• เกษตรกรโคนมบางส่วนผลิตนมดิบส่งเข้าสายการผลิตกาแฟ
• โรงงานที่เคยผลิตแบบ OEM และส่งวัตถุดิบอื่น ๆ กำลังสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่
3. ผู้บริโภคที่จงรักภักดีสับสน และอาจหันไปทดลองแบรนด์อื่น
ตลาดเริ่มเปิดให้ “แบรนด์กาแฟใหม่ ๆ” ได้แจ้งเกิด
เพราะคนที่คุ้นกับเนสกาแฟ เริ่มมองหาทางเลือกแทนในทันที

โอกาสที่เกิดขึ้นทันที

✅ 1. โอกาสของแบรนด์กาแฟไทย-ท้องถิ่น
• ผู้บริโภคพร้อมจะลอง “กาแฟตัวเลือกใหม่”
• ถ้าแบรนด์เล็ก–กลาง–ใหญ่กล้าเปิดตัวสินค้า หรือเสนอสูตรใกล้เคียงในราคาดี
• ก็มีสิทธิ์ยึดส่วนแบ่งจาก Nescafé ได้บางส่วนทันที
แนะนำ: ลงทุนกับการสร้างแบรนด์ + ให้คนทดลอง + ชงสูตรให้ใกล้รสนิยมเดิม
✅ 2. โอกาสของร้านกาแฟที่ “สร้างสูตรเอง”
ร้านกาแฟที่เคยใช้เนสกาแฟแบบ bulk มีโอกาสเปลี่ยนสูตร → สร้าง “เอกลักษณ์เฉพาะตัว”
ถ้าทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “รสชาติใหม่นี้ดีกว่า” จะไม่กลับไปหาของเดิมอีกเลย
เคล็ดลับ: ปรับสูตรใหม่ → บอกเรื่องราวใหม่ → สร้างจุดขายใหม่ทันที
✅ 3. แบรนด์กาแฟต่างชาติที่ยังไม่แข็งแรงในไทย มีโอกาสเสียบช่องว่างนี้
ใครที่เคยอยู่เบอร์ 3–4 ในตลาด อาจก้าวขึ้นได้ ถ้าเร่งการตลาดช่วงนี้
ตัวอย่าง:
• Douwe Egberts
• Boncafé
• กาแฟแบรนด์ญี่ปุ่น หรือแบรนด์ท้องถิ่นที่กำลังมาแรง
✅ 4. โอกาสของแพลตฟอร์มค้าส่ง–ดิลเลอร์–ผู้ผลิต OEM รายใหม่
เมื่อเนสท์เล่หยุดสายส่ง → ร้านค้าต้องมองหา supplier ใหม่
ใครที่เข้าถึงร้านค้าปลีกได้เร็ว และมีสินค้าแทน → กำไรทันที

สรุป:

ในวิกฤตของ Nescafé วันนี้ ไม่ใช่แค่ “สินค้าหายจากชั้นวาง”
แต่คือ “ตลาดเปิดใหม่” ที่จะไม่มีช่องว่างอยู่ได้นาน
ใครไวกว่า → ได้ส่วนแบ่งตลาดก่อน
ใครปรับตัว → ได้ฐานลูกค้าใหม่
ใครกล้าทดลอง → มีโอกาสเกิดแบรนด์ใหม่ระดับประเทศ