โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก เทคโนโลยีและ AI เข้ามาช่วยเราหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ “ไม่มีใครแทนลูกเราได้” คือความเป็นมนุษย์
แม่กับพ่อเชื่อว่า การเลี้ยงลูกไม่ใช่แค่ให้เติบโตแข็งแรง แต่คือการปลูกเมล็ดทักษะชีวิต ที่จะติดตัวเขาไปตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก โดยบ้านเราสอนลูกผ่านกิจกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนี้ค่ะ
ลูกชอบใส่ชุดบัลเลต์แล้วเต้นท่าของตัวเอง หรือหยิบสีเทียนมาวาดภาพตามใจ ทุกครั้งที่เราเปิดโอกาสให้เขาสร้างสิ่งใหม่ๆ นั่นคือการปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์
เวลาเล่นต่อบล็อกไม้หรือเลโก้ พ่อมักถามว่า “ถ้าต่อแบบนี้ จะล้มไหมนะ?” ลูกจะลองคิด ลองแก้ ลองเปลี่ยน การคิดเชื่อมโยงแบบนี้คือจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์
วันที่ไปว่ายน้ำแล้วเห็นเพื่อนร้องไห้ ลูกเดินเข้าไปลูบไหล่ แล้วกอดเพื่อน การเข้าใจและใส่ใจความรู้สึกคนอื่น เป็นทักษะสำคัญที่ AI ไม่มี
ทุกคืนก่อนนอน ลูกจะหยิบหนังสือมาให้พ่อแม่อ่าน แม้จะเป็นเล่มเดิม แต่ความกระหายอยากรู้ อยากฟังซ้ำๆ คือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันหยุด
ที่บ้านเรางดจอก่อน 2 ขวบ และยังคงงดต่อไป แต่ลูกจะเห็นว่า พ่อใช้แท็บเล็ตเปิดแอปวาดรูป แม่ใช้แอปเรียนเปียโน มากกว่าจะเปิดดูสื่ออื่นๆ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าเราใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสร้าง ไม่ใช่แค่สิ่งที่ใช้เสพ
ระหว่างปั่นจักรยานในป่า แล้วพบว่าข้างหน้ามีโคลน ลูกพยายามลุยต่อ หรือบอกพ่อให้อุ้ม การเผชิญและแก้ปัญหาเล็กๆ แบบนี้ คือการซ้อมเพื่อชีวิตจริง